รีวิวหนัง The Conference – สัมมนาเลือด กลับมาพบกันในวันนี้เราก็มีภาพยนตร์แนวสแลชเชอร์อีกเรื่องหนึ่งที่พล็อตเรื่องค่อนข้างแปลกใหม่มาแนะนำให้กับทุกๆคน นั่นก็คือเรื่อง The Conference – สัมมนาเลือด ดูหนังผีมาใหม่ เป็นเรื่องราวของ 9 เจ้าหน้าที่เทศบาลต้องจัดการสร้างความเจริญให้กับชุมชน จึงจัดงานสัมมนาในรีสอร์ทกลางป่าแห่งหนึ่งในที่ห่างไกลความเจริญ แต่หารู้ไม่ว่ามีฆาตกรหน้ากากคลั่งลับคมมีดรอพวกเขาอยู่ นี่เป็นผลงานภาพยนตร์จาก Netfliix ของประเทศสวีเดน หนังเรื่องนี้ดัดแปลงมาจากนิยายระทึกขวัญที่ขายดีที่สุด ทักษะการเขียนของ “แมตส์ สแตรนด์เบิร์ก” ต้องยอมรับว่าคอนเซ็ปต์เรื่องดั้งเดิมของเขามีลูกเล่นซุกซนไม่น้อย โดยเฉพาะเสน่ห์และอารมณ์ขันอันมืดมนของเรื่องนี้ ที่สอดแทรกหัวข้อเสียดสีชนชั้นทางสังคมอย่างชาญฉลาด โดยอาศัยความตื่นเต้นและการหลบหนีจากอันตรายที่ไล่ล่าทุกตัวละคร เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไรมาติดตามรับชมต่อได้ที่กรีวิวข้างล่างนี้ได้เลยค่ะ

 

รีวิวหนัง The Conference

 

รีวิวหนัง The Conference สัมมนาเลือด ผลงานกำกับโดย แพทริก เอ็คลุนด์ ผู้กำกับชาวสวีเดน

หนังเรื่องนี้มี “แพทริค เอคลุนด์” ผู้กำกับชาวสวีเดนที่เคยร่วมงานละครโทรทัศน์ท้องถิ่นมาหลายเรื่องและถือว่าเขากลับมาสร้างภาพยนตร์ในรอบสิบปีอีกครั้ง พร้อมทั้งมีส่วนร่วมในการดัดแปลงและเขียนบทให้กับหนังเรื่องนี้ด้วย แม้ว่าหนังจะมีสูตรสำเร็จค่อนข้างมากในสไตล์หนังฆาตกรรมแนวนี้ทำให้ตัวละครต้องถูกจัดวางเป็นเวลานานพอสมควรใน จุดเริ่มต้นน่าจะประมาณครึ่งหนึ่งของเรื่อง

แต่ถึงแม้จะยืดเยื้อไปหน่อย แต่ก็ถือว่าหนังสามารถทำให้ผู้ชมได้รู้จักและเข้าใจลักษณะนิสัยของตัวละครหลักทุกตัวให้คุ้นเคยมากขึ้น โชคดีที่ตัวละครแต่ละตัวมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน ตัวละครแต่ละตัวเต็มไปด้วยมิติ ความรัก ความโลภ ความโกรธ ความชั่ว ซึ่งเป็นธรรมชาติของมนุษย์ และนั่นทำให้ผู้ชมซึมซับความรังเกียจของตัวละครต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ Insidious The Red Door วิญญาณตามติด ประตูผีผ่าน

ข้อมูลหนังเรื่อง The Conference สัมมนาเลือด

  • ประเภท: สยองขวัญ/ตลก
  • ผู้กำกับ: แพทริค เอ็คลันด์
  • นำแสดงโดย: คาเทีย วินเทอร์, อดัม ลันด์กรีน, เอวา เมลันเดอร์
  • ความยาว: 100 นาที
  • วันฉายในไทย: 13 ตุลาคม 2566 (ที่ Netflix)

 

รีวิวหนัง The Conference

 

เรื่องย่อ The Conference สัมมนาเลือด

ก็เป็นหนังแนวเสียดสีสังคมไล่เชือดสัญชาติสวีเดนค่ะ ว่าด้วยเจ้าหน้าที่การจัดตั้งศูนย์การค้าแห่งใหม่ อีกไม่กี่วันข้างหน้าเนี่ยจะมีวิธีขุดดินต่อหน้าสื่อมวลชนที่มาแถลงข่าวกันยกใหญ่ค่ะ ดังนั้นเจ้าหน้าที่ทั้ง 9 คนเนี่ย จึงรวมตัวกันเพื่อจัดงานสัมมนาในรีสอร์ทกลางป่าที่แวดล้อม ไม่ใช่ทะเลสาบอันห่างไกลเมือง เป็นรีสอร์ทขนาดเล็กที่มีกระท่อมที่พักเพียงแค่ไม่กี่หลังค่ะกับเจ้าหน้าที่รีสอร์ทเพียงแค่ 4 คนเท่านั้น ก็คือเจ้าของรีสอร์ทผู้จัดการทั่วไปของรีสอร์ทและก็นักจัดกิจกรรมของรีสอร์ทนะคะ 

เมื่อทุกคนไปถึงรีสอร์ทจับคู่นอนในกระท่อมที่ดูจากความสัมพันธ์ของราศีเกิดค่ะและก็กำหนดการทำกิจกรรม เช่นกิจกรรมสร้างความสามัคคีกิจกรรมสร้างแรงจูงใจในการทำงาน ทั้งนี้ก็เพื่อให้ทุกคนในทีมงานเนี่ยทำงานจัดตั้งศูนย์การค้าแห่งใหม่ออกมาสำเร็จตามวัตถุประสงค์ก็คือสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ให้กับชุมชนและเป็นการกระตุ้นรายได้ให้กับผู้คนในชุมชนด้วยค่ะ

แต่ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ทั้ง 9 คนกำลังพักผ่อนอยู่ในรีสอร์ทและทำกิจกรรมสัมมนาที่จะไปด้วยความยุ่งเหยิงสับสนวุ่นวายและขัดแย้ง ก็ได้มีฆาตกรที่มีความเชี่ยวชาญในพื้นที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการวางกับดักและในการใช้เครื่องมือเข้ามาในรีสอร์ท แล้วก็เริ่มจัดการพนักงานของรีสอร์ททั้ง 4 คน

จากนั้นก็เริ่มเกิดเจ้าหน้าที่เทศบาลทีละคนอย่างสุดโหดเลยค่ะ ซึ่งเจ้าหน้าที่เทศบาลเนี่ยจะต้องหาทางร่วมมือกันจัดการกับเจ้าฆาตกรหน้ากากปริศนาคนนี้ไปให้ได้ ซึ่งพวกเขาจะเหลือรอดสักกี่คน? และสามารถจัดการกับเจ้าฆาตกรปริศนาคนนี้ไปได้หรือไม่? และที่สำคัญเจ้าฆาตกรบ้าคนนี้มันต้องการอะไรจากกลุ่มสัมมนากลุ่มนี้ก็สามารถไปติดตามรับชมด้วยตาของตัวเองต่อได้ทาง netflix เลยนะคะ

 

รีวิวหนัง The Conference

 

ความน่าสนใจของภาพยนตร์

ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เป็นภาพยนตร์เชื้อสัญชาติสวีเดนที่ดำเนินตามขนบหนังแนวไล่เชือดทุกประการค่ะและเจ้าฆาตกรเนี่ยก็มีลักษณะคล้ายกับฆาตกรแนวไล่เชือดอันโด่งดังหลายคนนะคะ เช่นเจสัน จากศุกร์13 ที่มีพื้นที่ก่อเหตุบริเวณทะเลสาบ และก็มีมีดดาบเป็นอาวุธ หรือจะเอาฆาตกรหน้ากากจาก Scream หวีดสุดขีด 

ซึ่งแน่นอนว่าทีมสร้างนั้นเนี่ยเขาตั้งใจจะเลียนแบบบุคลิกสำคัญของฆาตกรเหล่านี้มาสร้างเป็นตัวละครของตัวเองอย่างชัดเจนเลยค่ะ และในแง่ของบุคลิกของฆาตกรนั้น ก่อนมีวิธีการลงมืออย่างจริงจังหนักแน่นวิธีการลงมืออย่างจริงจังหนักแน่นโหดรุนแรงนะคะ มันก็แสดงไปถึงความคับแค้นที่เก็บอยู่ในใจที่ต้องการจะจัดการกับบุคคลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องค่ะ

และในหนังนั้นก็ทำให้เราเห็นแรงจูงใจที่พอจะเข้าใจได้ว่าเพราะเหตุใดเนี่ยจึงลงมือในแง่ของความโหดดิบและความป่าเถื่อนได้ขนาดนั้น ไม่ได้ยิ่งหย่อนทุกวันนั้นเชื่อจากเรื่องไหนเลยด้วยซ้ำนะคะ แต่มันก็ซ้ำซากเกินไปหน่อยค่ะ จะไม่สามารถอยู่ในระดับที่โดดเด่นได้อย่างแน่นอน เพราะอะไรๆมันก็เดินตามรอยเขาไปซะหมดเลยค่ะ

การลงมือกับเหยื่อแต่ละครั้งก็สร้างความขนลุกได้ไม่น้อย แต่เสียดายตรงที่หนังเนี่ยยังไม่กล้าที่จะใส่มากเกินไปนักนะคะ มันก็เลยไปไม่ถูกทางเท่าที่ควรจะเป็น โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนคิดว่าความโหดหรือความสยองที่เกิดขึ้นในหนังนั้นเนี่ย มันก็ไม่ได้เกิดจากการกระทำของเจ้าฆาตกรหรอกมันเกิดจากตัวละครมากกว่าด้วยนะคะ เช่นการเย็บหนังหัวแบบสดๆหรือจะเป็นฉากที่ทำให้เรื่องนี้มีความตื่นเต้นมากๆเลย ก็คือฉากการกระชากหนังหัวเพื่อการระบายความแค้นในช่วงท้ายเนี่ย

ซึ่งในฉากนี้ก็ทำให้คิดถึงฉากจบของ The reference ไม่น้อยเลยค่ะ ความยุ่งเหยิงของผู้คนในหนังที่มีแต่ความสับสนวุ่นวายและความขัดแย้ง และดูไปเนี่ยมันก็ไม่น่าจะมีคนแบบนี้ในโลกนะประเด็นที่ชอบมากสำหรับคนในกลุ่มนี้ก็คือ ในกิจกรรมสัมมนากิจกรรมหนึ่งเนี่ยเขาให้จำลองเหตุการณ์เรือแตกและนำสิ่งของที่มีค่าที่สุดติดตัวไปได้เพียงชิ้นเดียว

แต่ละคนก็ใช้เหตุผลตั้งแต่ต่างกันออกไป เช่น ใช้เหตุผลของตัวเองซึ่งมันไร้ตรรกะและความไร้ซึ่งตรรกะเนี่ยมันก็สะท้อนถึงชีวิตของมนุษย์ได้ว่า แต่ละคนนั้นมีสิ่งของที่มีความจำเป็นและมีค่าแตกต่างกันไป มันอยู่ที่ใครอยากจะมองว่าสิ่งนั้นมีค่าอะไรสำหรับเขาบ้าง แต่ชอบคนสุดท้ายที่สุดนะ ที่ออกมาออกความคิดเห็นเนี่ย ก็คือทำไมไม่มองเรื่องการจัดการเรื่องน้ำมันรั่วจากการที่เรือแตกนั่นแหละค่ะ ซึ่งมันก็ดูเหมือนกับว่าเป็นเรื่องไร้สาระแต่หากคิดดีๆแล้วเรื่องการตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมที่มันไม่ควรอยู่ในจุดนี้นะคะ มันก็คือประเด็นหนึ่งและอนุภาคหนึ่งที่สำคัญต่อเรื่องด้วยเช่นกัน

ชอบแนวคิดการเสียดสีเรื่องการเปิดห้างสรรพสินค้าในชนบท โดยเฉพาะชุมชนเกษตรกรรมชุมชนที่มีผู้คนที่ไม่ต้องการห้างสรรพสินค้าเลย นอกจากพวกนักการเมืองท้องถิ่นที่หาผลประโยชน์ให้กับตนเอง แต่พวกเขาเนี่ยก็ไม่ได้สนใจวิถีชีวิตของผู้คนที่มันจะเปลี่ยนแปลงไป และที่สำคัญก็คือการทำทุกอย่างให้ได้มาเลยไม่สนหรอกนะ ว่าคุณธรรมจริยธรรมมันจึงเป็นการแสดงตรรกะที่บิดเบี้ยวของผู้คนที่มีส่วนร่วมในการเปิดห้างสรรพสินค้าแล้วมันก็สะท้อนออกมาในความคิดและการกระทำที่บิดเบี้ยวในช่วงสัมมนานั่นเองค่ะ

 

รีวิวหนัง The Conference

 

ความรู้สึกหลังรับชม 

เรียกว่าโปรดักชันหนังและซีรีส์ในแถบสแกนดิเนเวียในยุคนี้ถือว่าเริ่มพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ และผลงานของพวกเขาก็เริ่มประสบความสำเร็จในระดับสากลมากขึ้นเช่นกัน แม้ว่า The Conference จะเป็นเพียงหนังระทึกขวัญเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่มีองค์ประกอบการผลิตที่น่าตื่นเต้นก็ตาม แต่พวกเขาทำให้มันทำงานได้ดีทีเดียว ในด้านการสร้างบรรยากาศแห่งความสนุกสนานและความโหดร้ายตามเนื้อเรื่อง

ก็ถือว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ ถือว่าจัดทำขึ้นตามมาตรฐานของภาพยนตร์ในแนวนี้ได้ดีค่ะ งานภาพอาจจะมีคุณสมบัติไม่มากนัก เนื่องจากสภาพทางภูมิศาสตร์ในท้องถิ่น โทนของหนังจึงค่อนข้างมืดมน แต่นั่นก็ช่วยส่งเสริมความน่าเกรงขามของหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี โปรดักชันดีไซน์ต่าง ๆก็เป็นที่ชื่นชอบเช่นกัน รวมไปถึงดนตรีประกอบที่ช่วยสร้างอารมณ์และจังหวะของหนังได้อย่างมั่นคงค่ะ 

ในส่วนของการแสดงถือว่ามีทีมนักแสดงนำจากสวีเดนมาอย่างเหนียวแน่น ต้องขอบคุณที่บทประพันธ์เรื่องนี้สามารถชูจุดเด่นและให้ความสำคัญของหลาย ๆ ตัวละครได้เป็นอย่างดี ทำให้การแสดงของพวกเขาเสริมบทบาทได้เป็นอย่างดี “Kathia Winter” (จากซีรีส์ The Boys), “Adam Lundgreen” หรือ “Eva Melander” “ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับผลงานของพวกเขามากนัก แต่พวกเขาก็ทำหน้าที่ทางการแสดงของแต่ละคนออกมาได้ดีเลยทีเดียวค่ะ

 

 

รีวิวหนัง The Conference สัมมนาเลือด จุดเด่นและจุดด้อยของหนัง

จุดเด่นของหนังเรื่องนี้ก็คือ เป็นหนังสยองขวัญที่มีโครงเรื่องที่แหวกแนวจากธรรมเนียมที่วัยรุ่นนิยมมาเป็นข้าราชการ ซึ่งฟังเนื้อเรื่องแล้วอาจจะไม่ใหม่มากนัก แต่เนื้อหาของเรื่องกลับแตกต่างออกไปโดยหยิบยกประเด็นเรื่องการทุจริตทางการเมือง ทุนนิยม พฤติกรรมชายเป็นใหญ่ในที่ทำงาน เข้ามาเล่นร่วมกับการปล่อยตัวฆาตกรใส่หมวกตัวการ์ตูนมาสคอตของโครงการศูนย์การค้าใหญ่ที่เตรียมสร้าง ซึ่งทั้งหมดถูกใส่เข้ามาเป็นเบื้องหลังแรงจูงใจในเหตุการณ์นี้

ผลที่ได้กลายเป็นหนังไล่เชือดสุดระทึกใจ มีความเก๋ไก๋แทรกอยู่ในนั้น มีเนื้อหาอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากฆาตกรบ้าคลั่งที่ไล่ตามและสังหารตัวละครไปเรื่อยๆ แล้วก็ต้องมานั่งคิดว่าเป็นใคร แต่หนังกลับวิพากษ์วิจารณ์และเปิดโปงพฤติกรรมข้าราชการทุจริตพร้อมทุนมหาศาลกดขี่คนในชนบท

แม้แต่ผู้ใต้บังคับบัญชายังถูกจับได้ว่ามีส่วนร่วมในโครงการคอร์รัปชันโดยไม่รู้ตัว และเมื่อพวกเขาเปล่งเสียงประท้วง พวกเขาก็เงียบไปด้วยวิธีต่างๆ รวมถึงการใช้เรื่องเพศด้วย ภาพยนตร์เรื่องนี้แทรกเรื่องราวนี้ทันทีที่มีการแนะนำเรื่องราว จุดเริ่มต้นของเรื่องราว 

หลังจากที่รู้ว่าฆาตกรมาเพื่อฆ่าเขาก็ยังพบวิธีที่จะเพิ่มเรื่องราวให้กับเรื่องนี้อีก ตอกย้ำความชั่วร้ายของเจ้านายที่ทุจริต โดยที่เนื้อหาเหล่านี้ไม่ขัดกับฉากหนีการไล่ฆ่าเลยด้วย ซ้ำยังทำให้บางช่วงกลายเป็นมุกตลกอย่างตั้งใจ ซึ่งนี่เป็นสไตล์ของผู้กำกับในคำโปรยเรื่องนี้เลยค่ะ

ในส่วนของจุดด้อยก็คือ ส่วนของตัวฆาตกรแม้ว่าผู้ชมอาจจะรู้สึกรำคาญกับหัวมาสคอตขนาดใหญ่ที่ฆาตกรใส่อยู่ตลอดก็ตาม ซึ่งผู้กำกับเองก็รู้ดี โดยทั้งตั้งใจทำให้มันดูตลกผสมความโหด และยังใช้ป้องกันการตอบโต้ของเหยื่อกลับมาที่หัวได้ เพราะมันหนาแล้วก็ใหญ่มาก !!! แล้วยังใช้มันเป็นตัวอำพรางคนร้ายว่าเป็นใคร โดยมีตัวหลอกล่อความสนใจให้คิดว่าเป็นบางคน 

ในส่วนของฉากฆ่าทั้งหลายก็ทำได้ค่อนข้างดี แม้ว่าจะมีบางช่วงเวลาที่เซ็นเซอร์หลีกเลี่ยงฉากที่ไม่โหดร้ายอยู่บบ้าง แต่ในหนังยังรวมเอาความโหดไว้ในหลายๆฉากอีกด้วย อย่างการใช้เลื่อยไฟฟ้าไล่ฟัน แขวนคอคนโดยใช้เชือกเสาธง ใช้มีดกระซวกกลางตัว แถมฆาตกรยังฉลาดด้วยการทำกับดักเหยื่อไว้รอบป่า อย่างลวด กับดักหมี ตะปูบนถนน

รวมถึงทุกจุดที่เป็นเส้นทางหลบหนี และตัดสมาร์ทโฟนทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้นจากการตั้งแคมป์ ซึ่งปกติจะไม่เกิดขึ้นในหนังแนวไล่เชชือดแบบนี้ แต่ประเด็นก็คือไม่ว่าตัวละครจะหลบหนีไปทางไหนก็ไม่มีทางที่จะหลบหนีได้ง่าย ๆ ทำให้เนื้อเรื่องมีความเป็นไปได้มากกว่าการสร้างฆาตกรไล่ล่าฆ่าแล้ววิ่งหนีไปตามปกติ

และข้จุดที่ดีอีกประการหนึ่งคือหนังไม่ได้ทำให้นางเอกเป็นเพียงตัวละครเดียวที่สามารถต่อสู้กับฆาตกรได้ แต่หนังก็มีตัวละครสมทบมาร่วมต่อสู้ทีหลัง ซึ่งเป็นลักษณะของข้าราชการที่ดีที่ยังคงอยู่และได้รับฉากที่เขาแก้ไขข้อผิดพลาดและปลดล็อคตัวเอง ส่วนนางเอกก็มีฉากไคลแมกซ์ต่อสู้กับตัวร้ายคนใหม่ ซึ่งก็น่าประหลาดใจและแอบสะใจอยู่ไม่น้อยค่ะ

 

 

บทสรุปเนื้อหาโดยรวมของภาพยนตร์เรื่องนี้

ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่า เป็นหนังสยองขวัญไล่เชือดที่มีความแปลกใหม่ในเนื้อหาลึกๆ หลายอย่าง ด้วยการนำเหล่าข้าราชการมาเล่นในเชิงทุจริตวิพากษ์ทุนนิยมไปพร้อมกับโดนไล่ฆ่า ซึ่งมันเวิร์คใช้ได้เลยอย่างไม่น่าเชื่อ และก็ยังมีความฉลาดในการเขียนบทให้ฆาตกรที่ดูตลกจากหัวมาสคอตขนาดใหญ่ แต่ก็มีเหตุผลและความฉลาดในตัวเอง พร้อมทั้งแรงจูงใจในการฆ่าที่โอเคเลย เสียแค่ว่ามีการตัดฉากฆ่าโหดด้วยการเล่นมุมกล้องเยอะ ก็อาจจะไม่ถึงกับเด่นมากในแนวเดียวกันค่ะ 

เรื่องนี้อาจไม่เหมาะกับคนกลัวเลือดสักเท่าไหร่ เพราะมีฉากนองเลือดเยอะมาก โดยรวมแล้วผู้เขียนมองว่าความฉลาดและความสมเหตุสมผลในบทค่อนข้างโอเค มุมกล้องและเอฟเฟกต์เสียงถูกนำมาใช้เพื่อช่วยให้ภาพดูสมจริงยิ่งขึ้น และเข้ากันได้ดีกับยุคทุนนิยมปัจจุบันที่ทุกคนต้องแข่งขันกันเอง หลายคนดูแล้วตลกมาก และทำให้เราตั้งคำถามเชิงวิพากษ์วิจารณ์ และฉากสังหารก็มีโมเมนต์ที่เกินจริงและสร้างอารมณ์ความรู้สึกให้กับผู้ชม แต่หนังสยองขวัญเรื่องนี้ถูกใจผู้เขียนมาก อาจเป็นเพราะฆาตกรสวมชุดมาสคอตการ์ตูนทำให้ดูน่ากลัวกว่าเดิม

นอกจากนี้ มาสคอตตัวนี้ยังเป็นหน้าตาของศูนย์การค้าที่กำลังเตรียมสร้างใหม่อีกด้วย ที่ทุกอย่างเชื่อมโยงกันอย่างมีเหตุผล และเมื่อคำตอบออกมา ทุกอย่างดูตลกมาก ใครก็ตามที่ชื่นชอบหนังแนวโหดและชอบแนวสยองขวัญหรือแนวสยองขวัญ เรื่องนี้คือสิ่งที่คุณต้องการอย่างแน่นอน 

เพราะมีวิธีการฆ่าหลายวิธีที่ค่อนข้างน่ากลัวในสายตาผู้เขียน และโครงเรื่องของเรื่องนี้ค่อนข้างโดดเด่นทีเดียว มันจึงเป็นหนังตลกสยองขวัญที่ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร แต่ผู้เขียนยังคงชอบเนื้อเรื่อง และชื่นชมทักษะการแสดงของนักแสดงทุกคนในเรื่องอยู่ดี แม้ว่าบางฉากจะดูเกินจริงก็ตาม แต่มันก็ยังสนุกและค่อนข้างสยองขวัญอยู่พอสมควรค่ะ ซึ่งสามารถรับชมเพื่อฆ่าเวลาได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *