รีวิวหนัง Love เลยร้อยเอ็ด
รีวิวหนังไทย รีวิวหนัง Love เลยร้อยเอ็ด ผลิตซ้ำกันแบบวนลูป เมื่อภาพยนตร์เรื่อง ‘Love เลย 101’ ที่กำลังจะได้ฉายในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 8 กันยายน 2565 หนังออนไลน์ล่าสุด ได้พบกับกระแสตีกลับจากโลกโซเชียลเพราะพล็อตเรื่องที่เป็นปัญหา เนื่องจากทำให้ประเด็นความรุนแรงอย่างการคบหาเยาวชนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ดูหนังฟรี ดูหนังฟรี ซึ่งสุ่มเสียงต่อการ ‘พรากผู้เยาว์’ กลายเป็น ‘เรื่องราวดี ๆ’ ผ่านคำโปรยแสนโรแมนติกอย่าง “รักต่างวัย” ดูหนังออนไลน์
รีวิวหนัง Love เลยร้อยเอ็ด
Love เลย 101 ถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ ‘หนังรักอารมณ์ดี’ ด้วยการนำเสนอเรื่องราวความสัมพันธ์รักเชิงชู้สาวของ ดาบแดง (รับบทโดย หม่ำ จ๊กม๊ก) ตำรวจวัย 40 ปี และ แพ็ต (รับบทโดย ธัญญ่า อาร์สยาม) นักเรียนระดับชั้นมัธยมปลายที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ที่ดูจะเป็นการโรแมนติไซส์ (Romanticize – ทำให้กลายเป็นเรื่องดี หรือโรแมนติก) ความบิดเบี้ยวมากมายในสังคม ซึ่งกระทำโดยผู้รักษากฎหมายอย่างโจ่งแจ้ง และที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้น คือการที่ภาพยนตร์เรื่องนี้นั้นได้หยิบยกเนื้อหาบางส่วนมาจากชีวิตจริงอีกด้วย
.
หากพูดถึงการพรากผู้เยาว์และกรูมมิ่ง (Grooming – การเลี้ยงดู หรือเตรียมเด็กเพื่อวัตถุประสงค์ทางเพศในอนาคต) จะพบว่า ประเทศไทยประสบกับปัญหาดังกล่าวอยู่เสมอ บ้างกระทำไปโดยเจตนา บ้างเข้าใจว่าไม่มีความผิด บ้างรู้ว่ามีความผิดแต่ก็ยังกระทำ หรือกระทั่งได้รับการสนับสนุนจากคนรอบตัวให้กระทำ แม้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 วรรคแรก จะบัญญัติไว้อย่างชัดเจน ว่า
“ผู้ใดพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจไปด้วยต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีหรือสิบปีและปรับตั้งแต่สี่พันถึงสองหมื่นบาท”
อย่างในเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่หากประมาณจากอายุก็น่าจะไม่เกิน 18 ปี นอกเสียจากว่าแพ็ตจะซ้ำชั้น ซึ่งก็เป็นไปได้ยากอยู่ดีว่าจะมีอายุเกิน 20 ปี ซึ่งถือเป็นอายุที่ถือว่าบรรลุนิติภาวะ อีกทั้งภาพยนตร์ยังฉายภาพของความสัมพันธ์อันบิดเบี้ยวนี้ผ่านตัวละครหลักที่เป็น “ตำรวจ” ซึ่งควรจะเป็นผู้ปกป้อง คุ้มครองกฎหมายเป็นหน้าที่หลัก แต่กลับมาเป็นผู้ที่ทำผิดเสียเอง
ในสังคมไทย มีเด็ก และเยาวชนหลายคนที่ต้องเผชิญกับการพรากผู้เยาว์
หรือกรูมมิ่ง เพื่อหวังผลประโยชน์ทางเพศ โดยผู้ใหญ่ที่เป็นที่เคารพนับถือ ตลอดจนคนใกล้ตัวอย่างคนในครอบครัว เพราะฉะนั้นการสร้างหนังที่ชุบปัญหาความรุนแรงทางเพศต่อเยาวชนให้กลายเป็นเรื่องราวความรักใส ๆ รูปแบบนี้ จึงเป็นการลดทอนความรุนแรงของประเด็นดังกล่าว และมองข้ามความเจ็บปวดที่มีอยู่จริงในสังคมอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งประเด็นถูกวิจารณ์ นั่นก็คือ การผลิตซ้ำภาพจำคนอีสานให้ไปในทางที่ไม่ดี ที่สามารถก่อให้เกิดภาพจำที่ไม่ถูกต้อง เป็นผลให้เกิดการเลือกปฏิบัติ และการเหยียดโดยที่ผู้ชมรับมาทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว ซึ่งถือเป็นปัญหาที่อยู่คู่กับประเทศไทยมานาน และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการผลิตภาพแบบนี้ในวงการภาพยนตร์ไทยอีกเช่นเคย
เป็นที่รู้กันดีว่า การที่สื่อนำเสนอภาพสิ่งที่เป็นปัญหาให้กลายเป็นเรื่องปกติหรือโรแมนติกนั้น มีส่วนในการสร้างปัญหา และอนุญาตให้พฤติกรรมที่เป็นปัญหาสามารถเกิดขึ้นได้ในชีวิตจริง เพราะผู้คนรู้สึก ‘ชินชา’ และมองว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเรื่อง ‘ปกติสามัญ’ หลังจากได้รับชมผ่านจอซ้ำไปซ้ำมา
ดังนั้นเมื่อมีการโปรโมทหนังอีกครั้งหลังจากถูกเลื่อนฉายจนลากยาวมาจนถึงปลายปี 2565 สังคมจึงได้มีโอกาสตั้งคำถามกลับไปยังทีมผู้สร้างหนังว่า ทำไมถึงยังมีการผลิตซ้ำเนื้อหาแบบนี้อยู่ หากสื่อไม่ได้มีหน้าที่เพียง ‘สะท้อน’ สังคม แต่อาจจะต้อง ‘นำ’ สังคมให้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน
อาจถึงเวลาแล้วที่สื่อบันเทิงต้องหยุดการผลิตซ้ำเนื้อหาที่เป็นปัญหา เพื่อยกระดับวงการภาพยนตร์ไทยไปอีกขั้น และคงต้องติดตามกันต่อไปว่า ทางทีมผู้จัดทำภาพยนตร์ ‘Love เลย 101’ นี้ จะมีการออกมาแถลงการณ์หรือเทคแอคชันอย่างไรบ้าง หรือจะแค่ปล่อยผ่านไปอย่างที่เคย ๆ เป็นมา
หนังยังไม่ทันเข้าฉายแต่โดนดราม่าร้อนๆ บนโลกโซเชียล สำหรับภาพยนตร์ เรื่อง “Love เลย 101” ผลิตโดย บั้งไฟฟิล์ม มีกำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ 8 กันยายนนี้ ทำให้ หม่ำ จ๊กมก หรือ เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา นักแสดงตลกชื่อดัง-ผู้กำกับ ได้เปิดใจเคลียร์ดราม่าไม่ได้มีอะไรน่ากลัวอย่างที่คิดกันไว้ พร้อมเผยสาเหตุที่ทำตาเพราะแก้ปัญหาหนังตาตกเท่านั้น
รีวิวหนัง Love เลยร้อยเอ็ด
“เรื่องนี้ตั้งใจจะเล่าเรื่อง รักครั้งแรกกับรักครั้งสุดท้ายของผู้ชายผู้หญิง ซึ่งวัยแตกต่างกันมาก เป็นเรื่องรักต่างวัย คนนึงจะเกษียณอยู่แล้ว อีกคนเรียนอยู่ ม.ปลาย ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ แต่ตัวอย่างหนังเหมือนเป็นไปแล้วที่จริงไม่ ต้องไปดูตัวเนื้อหนัง หนังฮา รักแบบใสๆ ความรักมันมีหลายรูปแบบ จะมีรักของผู้หญิง ผู้ชาย ผู้หญิงกับผู้หญิง ความรักมันไม่มีขีดจำกัดหรอก”
แค่โปรโมตก็มีดราม่า โดนวิจารณ์เป็นหนังพรากผู้เยาว์
“ก็ยังไม่ได้ไปดูหนังกันไง ถ้าไปดูแล้วจะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ต้องไปดูในหนังจะรู้ว่ามันมีอะไร ยังไงๆ รักกันไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าเป็นเรื่องจริงพ่อแม่ก็คงไม่ยอมเหมือนกัน ถึงเป็นเรื่องสมมติมันก็เป็นไปไม่ได้”
คนดราม่ากันเยอะ “ด้วยอายุของตัวละคร มันพรากผู้เยาว์อยู่แล้ว แต่มันไม่ใช่ ยังไม่ได้พราก ก็บอกแล้วไงรักครั้งแรกกับรักครั้งสุดท้าย”
“ผมว่าเขายังไม่ได้ดูหนัง ถ้าดูหนังจะได้รู้ไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิด ไม่หนักใจ ให้มาดูหนังก่อนค่อยวิเคราะห์เพราะยังไงก็รักกันไม่ได้อยู่แล้ว มันได้แค่คิด และตัวหนังไม่ได้สื่อแบบนั้นอยู่แล้ว เป็นรักใสๆ ของชายมีอายุคนนึงกับเด็กใสๆ ที่ยังไม่เคยรักใครเท่านั้นแหละ ไม่รู้อะไรที่ดลจิตดลใจให้ไปรักผู้ชายอายุมากกว่า”
การทำงานกับธัญญ่า อาร์สยาม เป็นอย่างไรบ้าง
“ธัญญ่ามืออาชีพอยู่แล้ว เหมือนเดิม จริงๆ แคสนักแสดงหลายคนก็ยังไม่เหมาะกับบทนี้ ตอนแรกบทดาบแดง ผมก็ไม่ใช่เล่นด้วยนะ เป็นพี่บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ตอนนั้นเขาติดธุระเป็นช่วงน้ำท่วมเลยไม่อยากไปเบียดเบียนคิวของเค้า ตอนแรกจะไม่เล่นเองเพราะผมเป็นคนขี้เขิน มีจับมือถือแขนอะไรแบบนี้คือมันไม่ใช่ เขินแต่ฝืนตัวเองให้เป็นธรรมชาติเค้าไว้ ทุกคนในกองจะรู้ว่าพี่หม่ำเขินนะ ไม่ต้องบอก หน้ากับแววตามันบอก หนังเรื่องนี้ไม่มีหอม ไม่มีกอด ไม่มีจูบ แค่จับมือเยอะสุดแล้ว แค่จับมือยังเขินเลย เหมือนๆกับตอนที่เคยเล่นกับนุ่น-วรนุช (เรื่อง เฉิ่ม) ครั้งนึง อันนั้นเขินหนักด้วย เขินตัวเกร็งเลยแหละ”
ที่เขินเป็นเพราะเกรงใจมด ภรรยาหรือเปล่า
“ก็มีส่วนประมาณนึงแหละ ถ้ามีฉากโรแมนติก เกิดความไม่มั่นใจทันที แต่ก็เล่นได้นะแต่ไม่อยากเล่น คนคาดหวังเห็นหม่ำจะต้องยิ้ม หัวเราะ อยากให้มีความสุข หนังเรื่องนี้เป็นหนังโรแมนติก ภาคใต้จะได้ดูภาษาใต้นะ ทางเหนือก็จะเป็นภาษาอีสาน เพราะภาคเหนือกับอีสานภาษาจะใกล้เคียงกันอยู่แล้ว หนังเรื่องนี้ก็จะมีสองเวอร์ชัน ตั้งแต่ชุมพรลงไปคนจะได้ดูเป็นภาษาใต้”
ก่อนหน้านี้พี่หม่ำเพิ่งไปทำตามาเลยโดนแซวหนักว่าเดี่ยวนี้ห่วงหล่อ รีวิวหนัง LOVEเลย101 รักต่างวัย
“ไปทำตามาเพราะหนังตาตกแล้วก็มันบังตาดำ ตาข้างซ้ายจะตกเยอะหน่อย ทางข้างขวาก็ตกแต่ยังตกไม่มาก ต้องไปดูภาพเก่าๆ หนังตาข้างซ้ายมันตกไม่ได้ อยากจะทำตาสองชั้นไม่ได้ชอบอยู่แล้ว แต่ต้องขอบคุณสยามเลเซอร์ ซอยทองหล่อตอนนี้ เริ่มยุบลงมาแล้วเริ่มเป็นตาชั้นเดียวแล้ว”
หลังจากแฮปปี้กับรายได้ของหนัง “แดง พระโขนง” แล้วไปซุ่มโมดิฟายหนังตาให้หล่อเหลากว่าเดิม เราเองก็ไม่รู้ว่าตลกผู้สร้างผู้กำกับคนเก่ง “หม่ำ จ๊กมก” จะมีผลงานชิ้นต่อไปให้ได้ชมกันอีกเมื่อไรเพราะยังเหลือผลงานค้างเติ่งที่ปาว ๆ ว่าจะเข้าโรงตั้งแต่ปี’63 โน่น เรื่องนั้นก็คือ “Love เลย 101”
เรื่องที่ว่านี้เลื่อนกำหนดเข้าฉายอยู่หลายครั้ง ล่าสุดยืนยันนอนยันว่าจะเข้าโรงภายในเดือน ก.ย. ที่จะถึงเพราะในเดือนนั้นตรงกับช่วงแห่งการไว้อาลัยครบรอบ 9 ปี นักเพลงคนจน “สายัณห์ สัญญา” พอดีซึ่งหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักต่างวัย โดยอาศัยเพลงเด่นเพลงดังจาก “พี่เป้า” เป็นส่วนประกอบ
เลยถือโอกาสรำลึกมนต์เสน่ห์เสียงเพลงพร้อมกับชมความสนุกเฮฮาจากหนังเรื่องนี้ไปในตัวแล้ว “เลย” กับ “ร้อยเอ็ด” เกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร เป็นสิ่งที่ผู้ชมต้องไปพิสูจน์คำตอบกันเอาเองโดยพี่หม่ำรับหน้าที่พระเอกอีกเช่นเคย แต่คราวนี้จับคู่กับนักร้องเสียงหวาน “ธัญญ่า อาร์สยาม” ดูบ้างงานนี้กำกับโดย “เอ็กซ์ วัชรพงษ์” จากเรื่องแดงฯ อีกนั่นแหละ…ถ้า “พิษออเจ้า” ยังเฮี้ยนไม่จาง ก็เชื่อว่าแฟนหนังพี่หม่ำคงต้องควักเงินไปให้กำลังใจกับ “Love เลย 101” แน่นอนมิได้คาดหวังรายได้หรือกระแสจะเงียบกริบ เพียงแค่เป็นการสร้างสีสันของวงการไม่ให้อ้างว้างหรือห่างเหินเกินไปและคงจะไม่มีการเลื่อนแล้วเลื่อนอีกเป็นร้อย ๆ ที ไม่ว่ากรณีหรือโอกาสใดก็ตาม เราขอสัญญา
เพราะเมื่อดูจากตัวอย่างของหนังแล้วจึงลงความเห็นว่า…นี่คือ “หนังรักบ้าน ๆ ที่อยากดูมากที่สุดของปีนี้” ว่าง ๆ ไปดูด้วยล่ะ…สวัสดี.