รีวิวหนังไทยnetflix พี่นาค 3

สวัสดีครับเพื่อน ๆ วันนี้เราจะมาแนะนำ หนังไทยnetflix เรื่อง พี่นาค 3 ผมเชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนก็ต่างเคยดูกันมาแล้ว ไม่ภาค 3 ก็ซักภาคนั่นแหละครับ โดยหากย้อนกลับไป ดูหนังออนไลน์ ในปี 2019 เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกของหนังจักรวาลพี่นาคเลย สำหรับหนังเรื่องนี้ ถ้าคนที่ชอบก็จะชอบมาก ๆ แบบชอบเลย แต่ถ้าไม่ชอบก็คือเกลียดไปเลยจริง ๆ สำหรับผมนั่นไม่ได้ซีเรียสอะไรมากมาย ส่วนตัวแล้วผมว่าก็สนุกดีนะครับ ตลก ๆ ฮา ดูแก้เบื่อได้ดีเลยแหละครับ

ในที่สุดตำนานหนังผีไทยก็ได้เดินทางมาจนถึงภาคที่ 3 กันแล้วครับ สำหรับ พี่นาค 3 ก็อย่างที่พวกเรารู้กันดีนั่นแหละครับว่าเป็นภาพยนตร์แนว คอเมดี้สยองขวัญ ตลก เฮฮา จากผู้กำกับหน้าใหม่ ไฟแรง ภณธฤต โชติกฤษฎาโสภณ

หลังจากที่ภาพยนตร์สองภาคแรกนั่น ได้รับเสียงตอบรับและคะแนนคำวิพากษ์วิจารณ์ที่ดีมาก ๆ เลยแหละครับ โดยจากผู้ชมอย่างล้นหลามต่างคนต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นหนังผีที่ดีอีกหนึ่งเรื่องเลย จนสามารถกวาดรายได้รวมทั้งสองภาคไปได้กว่า 200 ล้านบาท ซึ่งการกลับมาครั้งนี้จะยกระดับสเกลของเรื่องราว และ ความโหดของผีพี่นาคที่ดุยิ่งกว่าเดิม

ทำให้พี่นาคในภาคนี้โหดสุด ๆ อลังการงานสร้างสุด และ เชื่อว่าทุกอย่างมันต้องมีที่มาที่ไป ในภาคนี้ได้เฉลยจุดกำเนิดต่าง ๆ ของความอาฆาตในตำนานเลยครับ และ แสดงได้ว่าเขาต้องเจออะไรมาอย่างสาหัสจริง ๆ มันถึงต้องกลับมาแก้แค้นให้สาสม เพราะการที่ใครสักคนจะอาฆาตรุนแรงได้ขนาดนี้ก็ต้องมีความแค้นมาก ๆ

หนังพี่นาค ทั้งสองภาคจะเห็นเลยว่าตอนจบจะทิ้งปมไว้ท้ายเรื่อง เพื่อจะให้คนคิดต่อว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก เพราะกระแสตอบรับทั้งสองภาคที่ผ่านมาดีมาก มันทำให้ตัวละครของ พี่นาค ลุกขึ้นมาอีกครั้งด้วยแรงอาฆาตที่ไม่มีวันจบสิ้น ภาคสองก็จะเล่าว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมทุกคนต้องมาวัดในภาค1 ส่วนภาคเนี่ยมันเป็นการเล่าต่อไปอีกว่าจริง ๆ แล้ว ลึกไปกว่านั้นคนพวกเนี่ยเคยทำอะไรกันไว้เมื่อในอดีต เพราะฉะนั้นจริง ๆ ทั้ง 1,2,3 มีความสัมพันธ์ถึงกันหมด

พี่นาค 3 เรื่องย่อ เริ่มด้วย อ๊อด หนุ่มหล่อ ที่นำแสดงโดย ปอนด์-คุณพัทธ์ พิเชษฐ์วรวุฒิ และ สัปเหร่อหนุ่มแห่งวัดธรรมนาคานิมิตร ที่เขาได้บังเอิญไปเจอกำไลข้อเท้าทองคำโบราณในหลุมฝังศพสมัยสงครามโลก และเขาก็ได้เล่นทะลึ่ง

โดยการหยิบติดมือมาด้วยครับ ทำให้อ๊อดโดนคำสาป แสนจะประหลาดจากกำไลที่เขาได้เก็บมา หรือ ก็ขโมยมานั่นแหละครับ โดยกำไรนี้ได้ทำให้เขามีเกล็ดคล้ายงูขึ้นบนร่างกาย อีกทั้งเขายังถูก ผีนาคคำ (แชมป์-ชนาธิป โพธิ์ทองคำ) เจ้าของกำไลออกตามล่าเพื่อทวงกำไลคืน

เณรน็อต นำแสดงโดย ต้า-อธิวัตน์ แสงเทียน จึงต้องร่วมมือกับ บอลลูน รับบทโดย เอม-วิทวัส รัตนบุญบารมี และ เฟิร์ส โดยได้นักแสดง เจมส์-ภูริพรรธน์ เวชวงศาเตชาวัชร์ และ คุณโท รับบทโดย มีน-พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร และ คิดดี รับบทโดย ตูน-อติรุจ แสงเทียน และ เณรน้ำเหนือ นำแสดงโดย เทมโป-กัณฐพัทธ์ กิติชัยวรางค์กูร และ แปมแปม นำแสดงโดย คิมเท ซิม เพื่อหาวิธีล้างคำสาปให้กับอ๊อดเพื่อนของพวกเขา ก่อนที่จะถูกผีนาคคำฆ่าตาย

สำหรับหนังจักรวาลเรื่องพี่นาค เรียกได้ว่ามีความโดดเด่นเป็นอย่างมากเลยครับ โดยเฉพาะ พี่นาค 3 ที่ยังนำเสนอออกมาได้ดีไม่แพ้สองภาคแรก และเผลอ ๆ อาจจะดีกว่าสองภาคแรกด้วยซ้ำครับ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่คือหนึ่งในงานโปรดักชันที่ออกแบบมาเป็นอย่างดีและประณีต เป็นอย่างมาก

และรับรู้ได้ถึงความทุ่มเทเลย สำหรับทั้งงานเมกอัพเอฟเฟกต์ของผีนาคคำที่น่าเกรงขาม และ ดุดันมากขึ้นกว่าเดิม ไปจนถึงงานวิชวลเอฟเฟกต์ที่สร้างสรรค์พญานาคขึ้นมาได้อย่างอลังการงานสร้างจุดเด่นข้อต่อมาที่เราชื่นชอบเป็นการส่วนตัวนะครับ

คือมุกตลกขบขันภายในเรื่องที่สร้างเสียงหัวเราะให้กับเราได้ตลอดทั้งเรื่อง เวชวงศาเตชาวัชร์ ที่เข้ามาสร้างสีสันให้กับเรื่องราวได้ดีเช่นเดิม จนเรียกได้ว่าบทบาทของพวกเขาแทบจะโดดเด่นกว่าตัวละครอื่น ๆ ในเรื่องก็ว่าได้

โดยเฉพาะสองเพื่อนซี้อย่าง บอลลูน และ เฟิร์ส ซึ่งรับบทโดย เอม-วิทวัส รัตนบุญบารมี และ เจมส์-ภูริพรรธน์ ขณะเดียวกัน ท่ามกลางงานโปรดักชันสุดอลังการ และ มุกตลกขบขันที่สร้างเสียงหัวเราะให้ผู้ชม พี่นาค 3 กลับมีจุดด้อยสำคัญในแง่ของเนื้อเรื่อง โดยเฉพาะการกระจายบทบาทให้กับตัวละครต่าง ๆ

อีกหนึ่งจุดด้อยสำคัญคือ การดำเนินเรื่อง พล็อตเรื่องที่ตัวละครต้องเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ และ เผชิญหน้ากับปมปัญหาระหว่างทาง ภาพยนตร์พยายามจะเล่าเรื่องราวในรูปแบบของการผจญภัย

ภาพยนตร์จึงไม่สามารถชักชวนให้เรารู้สึกลุ้นหรืออยากจะเอาใจช่วยให้กลุ่มตัวละครหลักข้ามผ่านปมปัญหาต่าง ๆ อย่างที่ควรจะเป็น แต่วิธีการคลายปมปัญหาของเรื่องกลับดูจะเป็นความบังเอิญมากกว่าที่ตัวละครจะต้องพยายามแก้ไขปมปัญหาเหล่านั้น

ด้วยจุดเด่นของเรื่องที่ต้องการขายเรื่องราวความสยองขวัญไปพร้อม ๆ กับความสนุกสนานของเหล่าตัวละครสุดป่วน อย่างที่บอกไปตามชื่อเรื่องด้านบนเลย ว่าสามารถดูได้เพลิน ๆ เพราะได้ทั้งความฮา และ ธรรมะไปพร้อม ๆ กัน ที่นำมาผูกเรื่องราวกับหลักศาสนา ความเชื่อ

และการชูโรงเรื่องตำนานท้าวพญานาค ที่นำมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว และ ลื่นไหลสุด ๆ ด้วยการเปิดเรื่องที่เหมือนจะพาคนดูไปร่วมไขปริศนากำไลข้อเท้าด้วยกัน และ การเดินเรื่องก็ค่อย ๆ พาเราเข้าหาเรื่องราวของกำไลไปเรื่อย ๆ พร้อมจังหวะฮา ๆ ของเหล่านักแสดงที่ดูจะเข้าขากันได้ดีไปหมด

จากเรื่องราวปริศนาสู่การโดนผีไล่ฆ่าพร้อมกับการผจญภัยไปหาต้นตอของกำไลข้อเท้า ที่ชอบมาก ๆ อีกอย่างหนึ่งเลยคือสถานที่ถ่ายทำ และ การนำวัฒนธรรม การแต่งกายและ พิธีการบวชของภาคอีสานมานำเสนอได้ดีมาก ๆ ส่วนตัวชอบการนำเรื่องราวของศาสนา

พระปางนาคปรก และ ตำนานท้าวพญานาคมาผสมผสานกันได้แบบลงตัวแถมยังมีการนำเรื่องราวของภาค 2 มาเล่าให้สอดคล้องกันได้แบบไม่รู้สึกว่าเป็นการยัดเยียดหรือพยายามมากเกินไป ชนิดที่ว่าพอดูจบเนี่ยแทบจะสั่งผ้าซิ่นมาใส่แล้วเก็บกระเป๋าบินไปเที่ยวอีสานมันเดี๋ยวนั้นเลย

การกลับมาของแก๊งวัดธรรมนาคานิมิตร พร้อมด้วยมุกตลกสุดฮาเบาสมอง กับงานโปรดักชันอลังการล้านแปด ผีพี่นาคที่ดุดัน อาถรรพ์ และ หลอกหลอนกว่า 2 ภาคที่ผ่านมา การสร้าง พี่นาค 3 เกิดขึ้นหลังจากที่หลังจากที่ พี่นาค และ พี่นาค 2 กวาดรายได้ไปเกินคาดกว่า 200 ล้านบาท

ที่ได้สร้างหนังไปในทางคอมเมดี้-สยองขวัญ ด้วยฝีมือการกำกับของ ไมค์-ภณธฤต โชติกฤษฎาโสภณ กับแนวภาพยนตร์ที่มี Mood and Tone รอบนี้เขากลับมาอีกครั้งกับด้วยพลังแห่งโปรดักชันที่ยิ่งใหญ่ และ สมจริงมากกว่าเคย ทั้งงาน CGI ที่ดูไม่ฝืนจนเกินไป และ งานเมกอัพเอฟเฟกต์ที่ทำให้ผีพี่นาคดูหลอนกว่าเดิม กับเรื่องราวสุดลุ้นระทึกที่ผู้ชมต้องคอยเอาใจช่วยตัวละครตลอดเวลา ใครยังไม่ได้ดูระวังจะตกเทรนด์!

พี่นาค 3 ก็ยังคงเป็นสยองขวัญที่แฝงไปด้วยตลก แต่บอกเลยว่าปริมาณลดน้อยลงไปอย่างเห็นได้ชัด ที่มุกขบขันบางอย่างก็ยังทำหน้าที่ส่งต่อผู้ชมได้เป็นอย่างดีอยู่ สุดท้ายอาจจะกำลังเจริญรอยตามความสำเร็จในรูปแบบเดียวกับ ‘หอแต๋วแตก’ จักรวาลหนังไทยชื่อดังอีกเรื่องหรือไม่ แต่กลายมาเป็นหนังที่ดูแล้วค่อนข้างรำคาญในพฤติกรรมไร้กาลเทศะของตัวละครเสียเอง

อันนี้ก็ไม่ทราบท่ามกลางความฝืนในการเล่าเรื่องของหนังภาคนี้นั้น แต่สิ่งที่ พี่นาค 3 ทำได้โดดเด่นขึ้นมาแบบเห็นได้ชัดก็คือ ความทะเยอทะยาน และ ความกล้าในการฉีกทิศทางที่เกือบจะออกไปทางสุดโต่งด้วยซ้ำ การวิ่งหนีผีก็ยังเป็นสูตรสำเร็จที่พอขายได้ ด้วยการจับเอาตำนานพญานาค และ สอดแทรกหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนาเอาไว้แน่นกว่าภาคก่อน ๆ

ขณะที่ซีจีงานออกแบบพญานาคของพวกเขานั้น ก็ถือว่าสมศักดิ์ศรีได้ดี และ อีกองค์ประกอบที่ต้องยกนิ้วให้เลยก็คือเทคนิคการแต่งหน้ายังเทพเหมือนเดิม นับว่าเป็นองค์ประกอบที่ค่อนข้างใช้ได้ เอาเป็นว่าในภาพรวมแล้ว พี่นาค 3 ก็ยังคงเป็นหนังผีตลกแบบไทย ๆ ที่ยังไงก็ขายความบันเทิงให้กับคนดูได้เช่นเดิม

เพียงแต่จังหวะ และ องค์ประกอบหลาย ๆ จุดในภาคนี้ดูเหมือนจะฝืนใจ และ ยังไม่ค่อยมีอะไรที่ให้น่าจดใจได้เทียบเท่ากับภาคก่อนหน้านี้เท่าไหร่ การแสดงของทีมก็ตามมาตรฐาน ไม่ได้ดีแต่ก็ไม่ได้ย่ำแย่ ก็ยังคงเป็นหนังชุดสูตรเดิม ๆ ที่น่าจะทำให้แฟน ๆ รู้สึกประทับใจ และ เอ็นจอยกันต่อไปเรื่อย ๆ หากว่ายังมีต่อในอีกไตรภาคต่อไป