รีวิวหนังไทย เอหิปัสสิโก

รีวิวหนังไทย เอหิปัสสิโก หนังสารคดีเกี่ยวกับศาสนา ความเชื่อ หลักคำสอนผ่านอีกหนึ่งแง่มุม ภาพยนตร์สารคดีผลงานธีสิสของ ณฐพล บุญประกอบ ที่จะพาทุกคนไปสัมผัสกับเบื้องหลังที่อยู่ด้านในของวัดธรรมกาย วัดศาสนาพุทธที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องของคำสอนที่ค่อนข้างสุดโต่ง อีกทั้งวัดยังถูกเพ่งเล็งจากเจ้าหน้าที่ DSI ว่าอาจจะเป็นภัยอันตรายสำหรับศาสนาพุทธ โดยเนื้อหาภายในนั้นจะเน้นการนำเสนอในอีกมุมมองหนึ่งจากการสัมภาษณ์บุคคลกลุ่มตัวอย่างทั้งนักวิชาการ รวมถึงสาวกที่เชื่อในหลักคำสอนของวัดธรรมกายนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งหนังสารคดีที่ดำเนินเรื่องได้สนุก น่าติดตามและรับรองว่าไม่มีง่วงเลยค่ะ

เรื่องย่อ สำรวจอย่างเป็นกลางถึงมุมมองต่าง ๆ ต่อเหตุการณ์ในปี 2560 เมื่อพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ได้ถูกกล่าวหาว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวพันกับคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ผ่านการสัมภาษณ์ฝ่ายสนับสนุน และฝ่ายต่อต้าน รวมถึงสัมภาษณ์มุมมองของนักวิชาการที่มาตั้งข้อสังเกตต่อปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงรากฐานความเชื่อ ความศรัทธา และหาคำตอบถึงบทบาทของศาสนาและความเชื่อในสังคมไทย

เป็นหนังสารคดีไทยที่คนดูแน่นถึงแถวหน้า ไม่ค่อยได้เห็นบ่อย ๆ นะครับ

‘ไก่-ณฐพล บุญประกอบ’ คือผู้กำกับซึ่งเคยมีผลงานสารคดีเข้าฉายในบ้านเราแล้วก่อนหน้าอย่าง ‘2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว’ ว่าด้วยการวิ่งระดมทุนช่วยเหลือโรงพยาบาลรัฐจากเบตงถึงแม่สายของ ‘พี่ตูน’ ซึ่งกลายเป็นหนังยาวเรื่องแรกของณฐพล หลังเดินทางกลับมาจากเรียนต่อที่อเมริกาในสาขาภาพยนตร์สารคดีเพื่อสังคมที่ School of Visual Arts เมืองนิวยอร์ก

ทว่าในความเป็นจริงแล้วก่อนหน้าการวิ่งของพี่ตูน (โครงการก้าวคนละก้าว ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. -25 ธ.ค. 2560) หลายเดือนนั้น ณฐพลกำลังซุ่มเก็บฟุตเทจในหนังที่เขาอาจตั้งใจเป็นหนังยาวเรื่องแรกมากกว่า ทว่าด้วยความยากของเรื่องราวและความคุกรุ่นของอารมณ์ในสังคมช่วงนั้น (ก.พ. 2560) ก็ได้ทำให้ ‘เอหิปัสสิโก’ หรือ ‘Come and See’ ที่ตัวชื่อแปลได้ว่า ‘จงมาดูเถิด’ หนังที่นำเสนอข้อถกเถียงทางสังคม ว่าด้วยประเด็น ‘วัดพระธรรมกาย’ จึงเพิ่งได้ทำออกมาเสร็จเรียบร้อยและได้รับการอนุญาตให้ฉายเมื่อไม่นานมานี้เอง เว็บดูหนัง


และแม้ในความจริงหนังจะเคยตระเวนฉายในเชิงเพื่อการศึกษามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนก็ตาม แต่เมื่อจะนำเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทางผู้สร้างก็ถูกขอให้ชี้แจงเพิ่มเติมจากกองเซนเซอร์ จึงทำให้เกิดความหวั่นใจว่า อาจเป็นอีกครั้งที่หนังเกี่ยวกับพุทธศาสนา อาจถูก ‘ห้ามฉาย’ หรือ ‘หั่นฉาก’ จนไม่เหลือเค้าเดิม แต่แล้วด้วยการพูดถึงอย่างกว้างขวางในที่สุดหนังก็ผ่านการตรวจและออกฉายในที่สุด และข่าวการอาจถูกห้ามฉายนี้เองที่ทำให้หนังอยู้ในความสนใจของผู้คนที่สนใจเรื่องวัดพระธรรมกายเป็นทุนเดิม

ยิ่งเมื่อพิจารณาว่า บัดนี้ได้ผ่านล่วงเลยมากว่า 4 ปีแล้ว อารมณ์ความคิดอคติและสถานการณ์แวดล้อมได้เปลี่ยนไป การได้มองย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านหนังสารคดีเรื่องนี้อีกครั้ง ย่อมเป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างที่สุดแน่นอน

และหนังของณฐพลก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง หนังใช้ความยาว 85 นาที ได้อย่างดี ไม่มากจนน่าเบื่อ เยิ่นเย้อ และไม่น้อยจนทอนพื้นที่การเล่าของฝั่งใดฝั่งหนึ่ง เราได้ ‘ฟังความ’ จากทั้งสองฝั่งความคิด คือผู้ศรัทธาในวัดพระธรรมกาย และผู้อคติต่อวัดพระธรรมกาย และที่น่าดีใจคือ เราได้เห็นความเห็นที่ ‘เข้าท่า’ และ ‘ไม่เข้าท่า’ จากทั้งสองฝั่งพอ ๆ กัน และเพื่อให้ผู้ชมพอมีหลักในการตามเรื่องราว ก็ยังสอดแทรกความเห็นที่ให้ทั้งข้อดี-ข้อด้อย จากปากนักวิชาการทางศาสนาและสังคมหลายคนที่ไม่ได้มีผลประโยชน์ร่วมในเหตุการณ์นี้เข้ามาด้วย หนังฟรี

หนังเรื่องนี้เกือบจะเป็นการซ่อนของผู้สร้างอย่างสมบูรณ์ตามอุดมคติหนังสารคดีประเภทหนึ่งที่อยากให้ผู้ชมสัมผัสใกล้ชิดกับประเด็นของหนังโดยไม่มีผู้สร้างเข้าไปแทรกแซง เพราะเราแทบไม่เห็นทีมงานผู้สร้างในหนัง ทว่าตลอดเรื่องเราก็ยังได้เห็นบุคคลในหนังสารคดีพูดคุยกับ ‘ไก่’ ซึ่งหมายถึงตัวณฐพลอยู่หลายครั้ง และบางครั้งก็มีเสียงของณฐพลแทรกเข้าไปในหนังด้วย จึงเชื่อได้ว่าณฐพลน่าจะต้องการให้ผู้ชมระลึกอยู่เสมอว่าความจริงตรงหน้าเป็นการที่เขาเข้าไปถ่ายทำ และยากที่จะไม่มีสิ่งที่เรียกว่า อคติของผู้สร้างเจือปน

อคติของผู้สร้างที่ว่า อาจถูกถ่ายทอดมาอย่างจงใจและไม่รู้ตัวได้ทั้งสิ้น บางฉากเราเห็นการแช่ภาพค้างนานผิดปกติ บางฉากต่อลำดับกับประเด็นที่พูดก่อนหน้าแล้วตีความได้อีกแบบ หรือแม้แต่บางฉากที่ไม่จำเป็นต้องใส่มา แต่ก็ปรากฏในหนัง เหล่านี้จึงทำให้เห็นว่าณฐพลก็แฟร์กับผู้ชมพอสมควรที่จะบอกว่าหนังมีอคติอ่อน ๆ และจะได้ให้ผู้ชมใช้ปัญญาของตนพิจารณาสาระของหนังด้วยจนเอง

เราคงชี้ไม่ได้ว่าในหนังนั้นฝ่ายไหนถูกหรือฝ่ายไหนผิด แม้บางคนตั้งใจเข้าไปดูแบบมีธงล่วงหน้า บางคนเป็นคนที่ไม่นิยมวัดพระธรรมกาย บางคนก็เป็นคนที่เข้าวัดพระธรรมกายมาหลายสิบปี โรงหนังที่ผมได้ชมวันนี้อยู่ที่รังสิตก็นับว่าใกล้เคียงวัดพระธรรมกายมากที่สุดสำหรับโรงหนังที่มีการฉาย ได้เห็นอากัปกิริยาของผู้ชมหลากหลาย มีทั้งนักเรียนนักศึกษา ประชาชนที่สนใจ และคงไม่น้อยที่อาจเป็นศิษย์วัดพระธรรมกาย (อันสังเกตได้จากเสียงหัวเราะต่อบางฉาก) หนังใหม่

ทว่าเชื่อได้ว่าหนังก็มีพลังเพียงพอที่จะทำให้คนที่ไม่ว่ามีความเชื่ออคติเดิมมาทางฝั่งไหน เมื่อได้ชมหนังเรื่องนี้ ย่อมต้องได้ฉุกคิดบ้างไม่มากก็น้อย ว่าแท้จริงความยึดมั่นในความคิด (และความดี) ของเราเองก็อาจเป็นมิจฉาทิฏฐิได้ในทุกโอกาส

อย่างน้อยเมื่อถึงฉากท้าย ๆ ของหนังที่มีผู้พูดว่า ‘คนตาบอด ไม่เชื่อว่ามีดวงอาทิตย์อยู่ แต่ดวงอาทิตย์นั้นก็ยังตั้งอยู่ เรามีความจริงและความดีในแบบของเรา สักวันหนึ่งคนตาบอดย่อมเข้าใจ เพราะความจริงไม่อาจลบหายได้’ นั้น หากผู้ได้ชมมีเสี้ยวหนึ่งในใจว่า จะมั่นใจได้อย่างไร ว่าเราไม่ใช่ ‘คนตาบอด’ นั้นเสียเอง หนังเรื่องนี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จยิ่งยวดแล้ว

เอหิปัสสิโก’ เป็นสารคดีที่มีกระแสมาแรงงจากข่าวการเกือบโดนแบนจากกองเซนเซอร์ แต่สิ่งที่น่าทึ่งคือจำนวนคนดูที่แน่นโรง เพราะเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ค่อยได้เห็นในการฉายหนังแนวนี้ อาจเป็นเพราะสิ่งที่เคยได้ยินเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายตลอดหลายปีที่ผ่านมา และความลึกลับอันชวนสงสัยว่า ‘หลังกำแพงวัดในตึกรูปทรงกลม หรือใต้จานบินนั้นมีอะไรหนอ’

 

หลายคนคาดหวังว่า นี่จะเป็นสารคดีเปิดโปงวัดพระธรรมกาย แต่ที่จริงแล้วกลับทำหน้าที่เปิดประตูให้คนได้เข้าไปรู้จักวัดแห่งนี้จากมุมมองอันหลากหลาย ทั้งผู้ที่ศรัทธา ไม่ศรัทธา และเลิกศรัทธา รวมถึงนักวิชาการ และภาพจากข่าวที่เคยเห็น เรียงร้อยผ่านทางสายตาของผู้กำกับ ณฐพล บุญประกอบ อีกชั้นหนึ่ง

ความสนุกของ ‘เอหิปัสสิโก’ อยู่ที่ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในหลายมิติ ทั้งความเห็นที่ต่างกันและความขัดแย้งในใจของผู้ชม

สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นตลอดการดูก็คือความคิดที่ว่าถึงแม้ผู้ที่ศรัทธาในวัดจะมีความต้องการจะต่างกันไปบ้าง แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือ ทุกคนต้องการความสุข ถ้าไม่ใช่ในชาตินี้ก็ชาติหน้า และวัดพระธรรมกายให้ความสุขนั้นได้ในหลายรูปแบบ

วัดได้สร้างสังคม ‘ยูโทเปีย’ หรือ ดินแดนในอุดมคติ ที่ทุกคนพูดจาดี สุภาพต่อกันเสมอ แต่งกายเรียบร้อยสะอาดสะอ้าน ทุกคนช่วยกันดูแลสถานที่ให้ทุกที่สะอาดเรียบร้อย ทุกอย่างเป็นระเบียบ ตั้งแต่การเดินแถวของผู้คนในวัดไปจนการจัดวางของ

รีวิวหนังไทย เอหิปัสสิโก

ด้วยสิ่งนี้เอง สังคมในวัดอาจเป็นสังคมในฝันของใครหลายคน นอกจากความสุขที่เกิดทางกายแล้ว วัดสามารถสร้างความสุขทางใจที่มาพร้อมกับความหวังสำหรับวันพรุ่งนี้ ด้วยแนวคิดที่ว่าบุญที่ทำไปจะตอบแทนคืนกลับมาในรูปแบบของชีวิตที่ดีขึ้น หรือชาติหน้าที่กำหนดได้

สารคดีก็ยังคงพาให้เราเห็นแนวคิดที่ยังคงน่าสงสัย ซึ่งเป็นด้านที่อาจจะเปลี่ยนยูโทเปียเป็น ‘ดิสโทเปีย’ หรือ ดินแดนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของยูโทเปียได้เช่นกัน แต่ความน่าสนใจคือการที่ด้านที่ชวนตั้งคำถามนั้น ไม่ได้ถูกนำเสนอจากฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามเท่านั้น แต่หลายอย่างก็มาจากตัวผู้ศรัทธาเอง เว็บดูหนังฟรี

นอกจากนี้ ‘เอหิปัสสิโก’ ยังเปรียบเทียบให้เห็นว่าที่จริงธรรมกายก็ไม่ได้ต่างกับวัดอื่น มีการบริจาค มีการกราบไว้บูชาพระพุทธรูป ทำกิจกรรมต่างๆที่สะท้อนให้เห็นนรกกับสวรรค์ แต่ชัดเจนกว่ามีระบบการสะสมบุญที่เป็นเหมือนขั้นบันได ไต่ขึ้นไปได้ตามระบบทุนนิยม คล้ายกับการเล่นเกมเก็บแต้มในแต่ละด่าน ซึ่งจะมีภารกิจต่างกัน ทำมากก็ได้บุญมาก เมื่อมีบุญมากก็จะได้ขึ้นสวรรค์ ซึ่งง่ายต่อการทำและการเข้าใจ ชวนให้นึกถึงคำพูดที่ใคร ๆ ก็อาจคุ้นเคยตั้งแต่เด็กจนโต คือ ‘ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว’ จึงไม่น่าแปลกใจที่คนจะเชื่อโดยง่าย ตัวสารคดีทำให้เราคิดถึงความสัมพันธ์แบบธรรมกายในหลายสถาบัน ชนิดที่เราเองก็ไม่เคยเชื่อมโยงมาก่อน บางทีมันอาจอยู่รอบตัวมากกว่าที่เราคิด

 

ผู้ชมถูกย้ำเตือนตลอดว่ากำลังได้รับฟังความจริงที่ถูกเลือกสรรและตัดต่อมาอย่างดีแล้ว การเตือนนี้เกิดจากการกล่าวถึงจากบุคคลในเรื่อง เสียงของผู้กำกับที่ผู้ชมจะได้ยินแทรกมาในบางฉาก ซึ่งทำให้อารมณ์คล้ายกับเวลาได้ฟังการเล่าข่าว ที่เป็นการเล่าความจริงผ่านมุมมองของใครคนหนึ่ง และ ‘เอหิปัสสิโก’ ก็ถูกเล่าได้สนุก ชวนระทึกเหมือนได้ดูภาพยนตร์สืบสวนเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว ด้วยการลำดับภาพ และเสียงเพลงที่คอยเร้าใจผู้ชมตลอดเรื่อง

สุดท้ายแล้วสารคดีไม่ได้ให้คำตอบว่ามันถูกหรือผิด แต่ชักชวนให้เราตั้งคำถาม

 

‘เอหิปัสสิโก’ จึงไม่ใช่สารคดีที่มีคำตอบชัดเจนเสียทีเดียวสำหรับทุกคำถามเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย หลวงพ่อธรรมชโย หรือคดีของวัด หรือบอกว่าเราควรคิดอย่างไรกับสังคมที่เราอยู่ แต่เป็นการเชิญชวนให้มาดู มาเห็น เพื่อให้ผู้ชมตัดสินใจเองว่าควรจะ ‘โอปะนะยิโก’ หรือน้อมรับอะไรเข้ามาไว้ในใจตนเองเมื่อเวลา 85 นาทีของสารคดีหมดไป

หากจะมีอะไรที่ที่ทำให้เราลดอคติจากสิ่งที่เชื่อได้บ้าง ก็คงหนีไม่พ้นการเข้าไปมอง เข้าไปดู เข้าไปเห็นสิ่งเหล่านั้นด้วยตาตัวเอง ดูหนังฟรี

ในปี พ.ศ.2560 ข่าวใหญ่ข่าวหนึ่งที่อยู่ในความสนใจของผู้คนคือการบุกจับพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวพันกับคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น กลายเป็นภาพของเจ้าหน้าที่รัฐบุกล้อมวัด และการต่อสู้ของผู้ที่ศรัทธา รวมไปถึงคำถามที่ยังค้างคากับคนในสังคมว่าสรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้น

ซึ่งอย่างที่เราอาจได้เห็นกันแล้วว่า สารคดีเรื่องใหม่ของผู้กำกับสารคดีมากฝีมืออย่าง ไก่-ณฐพล บุญประกอบ นั้นพาเราเข้าไปดู เข้าไปเห็น เข้าไปทำความรู้จักเรื่องราวของวัดพระธรรมกาย ที่เราอาจไม่เคยพาตัวเองไปสู่พื้นที่ตรงนั้น ซึ่งก็ อาจจะพูดได้ว่าการตั้งชื่อหนังว่า ‘Come And See เอหิปัสสิโก’ นี้เป็นอะไรที่พอเหมาะพอดีกับเรื่องราวภายในสารคดีมากทีเดียว

การมาถึงของ เอหิปัสสิโก นี้นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากๆ ที่หนังจะช่วยเป็นหมุดหมายทลายภาพสารคดีในไทยให้คนได้รับรู้มากขึ้นว่าสารคดีไม่ใช่การเล่าเรื่องที่น่าเบื่อ เพราะหนังสารคดี เอหิปัสสิโกนี้ ก็พาเราดำดิ่ง ลงลึก และลุ้นระทึกไปพร้อมกันๆ นอกจากนี้หนังสารคดีเรื่องนี้ยังทิ้งประเด็นทางสังคมไว้ให้เราได้ถกเถียง ขบคิด และตั้งคำถามต่อไป

 

การนำเสนอในฐานะคนกลางที่เฝ้าสังเกตการณ์ การตีความสารคดีผ่านอคติในใจคนดู
ปฏิเสธไม่ได้ว่ามนุษยทุกคนล้วนมีอคติในใจต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งเสมอ ซึ่งการดูหนังเรื่องนี้ก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่การตีความและความเห็นหลังดูจบนั้นหลากหลาย ตามแต่สิ่งที่เกิดขึ้นภายในความคิดของผู้คน คนที่ศรัทธาในวัดพระธรรมกายอาจเป็นแบบหนึ่ง คนที่เคยเข้าไปแล้วออกมาอาจเป็นแบบหนึ่ง คนภายนอกที่ได้แต่เฝ้ามองก็เป็นอีกแบบหนึ่ง

แต่หากจะพูดถึงความน่าสนใจหนังเรื่องนี้ ก็คงเป็นวิธีการเล่าเรื่องของผู้กำกับ ที่ในช่วงแรกการเล่าเรื่องของหนังสารคดีนี้ เราพอจะพูดได้ว่าผู้กำกับเข้าไปเป็นเหมือนผู้เฝ้าสังเกตุการณ์คนหนึ่ง เข้าไปสอบถามพูดคุยกับบางคนเพื่อให้เรามองเห็นมุมมอง เฉดสีที่หลากหลาย แต่ไม่ใช่การยัดเยียดหรือตั้งคำถามที่ขัดแย้งกับความเชื่อของคนให้สัมภาษณ์

ซึ่งมุมมองการเล่าแบบนี้ชวนให้เรารู้สึกว่าหนังไม่ตัดสินว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นถูกหรือผิด สิ่งที่เขาเชื่อนั้นน่าหัวเราะเยาะหรืองมงาย แต่กลับชวนเราค่อยๆ ลองสังเกต ทำความเข้าใจ ไปในระหว่างทางที่หนังพาเราไปรู้จักกับมุมมองหลากหลายที่เล่าแบบตบมุกขัดแข้งขัดขากัน ทั้งจากคนที่ศรัทธาในวัดธรรมกายและคนที่เลิกศรัทธาไปแล้ว ทั้ง พระที่ยยังอยู่ในวัดพระธรรมกาย และศิษย์เก่าของวัดที่ออกมาและให้ข้อมูลในอีกฝากหนึ่ง รวมไปถึงเสียงจาก ไพบูลย์ นิติตะวัน ในฐานะคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา ด้วยเช่นกัน ดูหนังออนไลน์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *